ถ้าคุณไม่มีงบถึง iPad ตระกูล Pro เชื่อว่าหลายๆคนคงต้องกำลังมอง iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 หรือที่เรียกกันติดปากว่า iPad เพื่อการศึกษา เป็นแน่แท้ โดย iPad 2020 Gen 8 นั้นถือว่าเป็นรุ่นล่าสุด ที่ราคาสำหรับนักศึกษา หรือ เหมาะสำหรับคนงบน้อยมากๆ แต่ใครที่พอจะมีงบเพิ่มอีกสักหน่อย ก็คงจะลังเลกับ iPad Air 4 ที่เป็นตัวรองจาก iPad Pro เช่นกัน ในบทความนี้ เราจะเปรียบเทียบกับแบบลึก!! ถึกกึ๋น ว่า สองรุ่นนี้ ควรตัดสินใจซื้อรุ่นไหนดี?
เทียบสเปคเบื้องต้นของ iPad ทั้งสองรุ่น
iPad Air 4 64GB เริ่มต้น 19,900 THB
Chip A14 Bionic Ram 4 GB
ความจุ เริ่มต้น 64 GB
** ไม่รองรับเทคโนโลยี 5G
ดีไซน์เครื่องแบบไร้ปุ่ม Home
รองรับ Apple Pencill Gen 2
รองรับ SmartKeyboard รุ่นใหม่
* ใช้การ แสกนนิ้ว Touch ID ด้านบน
เชื่อมต่อด้วย USB-C
** ลำโพงซ้ายขวา 2 ตัว
ขนาดจอ 10.9 นิ้ว
* อัตรารีเฟรชเรต 60Hz
จอภาพแบบ LCD
** Liquid Retina
ความละเอียด 2,360 x 1,640
* กล้องหลัง Wide 12 MP
** กล้องหน้า Wide 7 MP
iPad 2020 Gen 8 เริ่มต้น 10,900 THB
Chip A12 Bionic Ram 3 GB
ความจุ เริ่มต้น 32 GB
** ไม่รองรับเทคโนโลยี 5G
* ดีไซน์เครื่องแบบดั้งเดิม
รองรับ Apple Pencill Gen 1
รองรับ SmartKeyboard Gen 1
ใช้การ แสกนนิ้ว Touch ID ที่ปุ่ม Home
*** เชื่อมต่อด้วย Lightning
ลำโพงซ้ายขวา 2 ตัว
ขนาดจอ 10.2 นิ้ว
* อัตรารีเฟรชเรต 60Hz
จอภาพแบบ LCD
** Retina Display
ความละเอียด 1,620 x 2,160
กล้องหลัง Wide 8 MP
** กล้องหน้า Wide 1.2 MP
ยกที่ 1
หน่วยประมวลผล
หน่วยประมวลผล [CPU]
iPad Air 4 รุ่นใหม่ ถึงจะวางจำหน่ายเมื่อปี 2020 แต่สเปคค่อนข้างดีเลยทีเดียว ได้เสปคใหม่ล่าสุด ของ CPU Apple ตระกูล A ที่ใช้กับ iPhone ทุกๆรุ่น โดยในรุ่นนี้ ได้ใช้ CPU Apple A14 Bionic รุ่นเดียวกันกับใน iPhone 12/12 Pro ด้วย นับว่าเป็นสเปคปัจจุบัน
โดยใน Apple A14 นั้นเปลี่ยนไปผลิตด้วยเทคโนโลยี 5nm ที่เล็กลงทำให้มีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า A13 ตัวเก่า เฉลี่ยอยู่ราวๆ 15% แต่มีการจัดการพลังงานที่ดีกว่ามาก ทำให้ Apple A14 Bionic มีอายุแบตเตอรี่ที่ยืนยาวกว่าและมีความร้อนน้อยกว่า (แต่ iPhone 12 และ 12Pro อาจจะไม่ได้อึดกว่า iPhone 11 เพราะต้องแบ่งพลังงานไปใช้ 5G แล้วถึงใช้แบตความจุน้อยกว่า iPhone 11 นิดหน่อยด้วย )
ถึงหลายอย่างจะกำลังลงตัว แต่น่าเสียดายที่ iPad Air 4 นั้นไม่ได้รองรับ เทคโนโลยี 5G มาด้วยเหมือนกับรุ่น Pro แต่ก็แลกกับการกินพลังงานที่น้อยลง และ เมื่อชิป A14 Bionic ตัวล่าสุด ทำงานบน แบตเตอรี่ก้อนใหญ่ ขนาด 11500 mAh ทำให้ iPad Air 4 มีแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่า iPad 2020 Gen 8 ในทุกๆด้านเลย
ในขณะที่ iPad 2020 Gen 8 ยังคงใช้ ชิปรุ่นเก่าอย่าง Apple A12 Bionic ที่ถูกใช้ใน iPhone XS Series ที่มีอายุเก่าไปราวๆ 3 ปีแล้ว และถูกผลิตด้วยเทคโนโลยี 7nm เก่า ทำให้ประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานนั้นยังด้อยกว่า A13 Bionic ด้วยซ้ำ เพระฉะนั้นไม่ต้องพูดถึง A14 เลย และ iPad 2020 Gen 8 ยังมีแบตเตอรี่ที่น้อยกว่า iPad Air 4 ด้วย โดยมีความจุประมาณ 8800 mAh
เพราะฉะนั้น ในด้านเสปคหน่วยประมวลผลเครื่องที่เป็นส่วนสำคัญในการใช้ iPad ทำงานต่างๆ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ยังห่างกันหลายขุมเลย ลองตัดสินใจดูกันเอานะ
หน่วยความจำและชิปกราฟิค [Ram & GPU]
พูดถึงหน่วยความจำ (Ram) กันก่อน ต้องแยกนะครับ Ram ไม่ใช่ พื้นที่จัดเก็บ (Storage) หรือที่เรียกกันว่า ความจุ 64GB 128GB ต่างๆ นาๆ Ram คือหน่วยความจำชั่วคราว ที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพภายในเครื่อง รองจาก CPU ยิ่งแรมมาก การทำงานหลายอย่างพร้อมกัน ยิ่งมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมถึง การทำงานหนักๆ ที่ต้องใช้ปริมาณแรมเยอะ ก็จะยิ่งลื่นไหลขึ้นเช่นกัน
ต้องบอกกันตามตรงว่า iPad Air 4 นั้นยังมีการหวงแรมอยู่ โดยให้มาเพียง 4GB เท่านั้น แต่ 4GB ก็เพียงพอต่อการทำงานไม่หนักมากได้แล้ว แต่อาจจะไม่พอสำหรับการทำงานใหญ่ๆ แต่ iPad 2020 Gen 8 ก็มีแรมที่น้อยกว่า iPad Air 4 โดยมีแรมอยู่ที่ 3GB ซึ่งต้องบอกเลยว่าถ้าทำงาน 4GB อาจจะไม่ค่อยพอแล้ว ยกตัวอย่างเวลาอัพโหลดไฟล์งานต่างๆ ลงอินเทอร์เน็ต แล้วพักจอหรือทำอย่างอื่นไปพลางๆ อาจจะทำให้การอัพโหลดไม่สำเร็จก็ได้ แต่นี่ให้มาแค่ 3GB ก็ต้องลองพิจารณากันดู
สำหรับชิปกราฟฟิคนั้นจะมีส่วนช่วยในการประมวลผลกราฟฟิค เช่นการเล่นเกม เป็นต้น ทาง เสปคของ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ก็ห่างกันหลายเท่าตัวเช่นกัน เนื่องจาก ชิปกราฟฟิคดังกล่าวก็ถูกอัพเกรดตามอายุหน่วยประมวลผลเหมือนกันนั่นเอง แต่ A12 Bionic เองก็ไม่ได้แย่ ยังสามารถเล่นเกมได้ แต่ A14 Bionic จะทำได้ดีกว่านั่นเอง
พื้นที่เก็บข้อมูล หรือ ความจุ [Storage]
พื้นที่ความจุ คือสิ่งที่เกริ่นไปคร่าวๆ ในหัวข้อที่แล้ว แน่นอนว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องชั่งน้ำหนัก และตัดสินใจกันเอาเองนะครับ เพราะ iPad 2020 Gen 8 นั้นมีความจุเริ่มต้นมาให้เพียง 32GB เท่านั้น และหากต้องการความจุเพิ่ม ต้องเพิ่มเงินราวๆ 3000 บาทเพื่อกระโดดข้ามไป 128GB เลย
แต่ใน iPad Air 4 นั้นมีความจุเริ่มต้นที่ 64GB ซึ่งผมพูดไปหลายบทความแล้ว ว่า iPad ความจุ 64GB ไม่ได้แย่ขนาดนั้น เพราะมันก็เพียงพอต่อการใช้งาน หากเราไม่เก็บงานมากมาย 64GB ก็เหลือๆอยู่แล้ว
เพราะฉะนั้นเรื่องความจุ สำหรับ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ให้ซีเรียสแค่ ตัว Gen 8 ก็พอครับ ที่เริ่มต้นมาให้น้อยมากเพียง 32GB
iPad Air 4
7/10
Chip : Apple A14 Bionic
Ram : 4 GB
ความจุเริ่มต้น : 64 GB
เทคโนโลยี 5G : ไม่รองรับ
iPad 2020 Gen 8
5/10
Chip : Apple A12 Bionic
Ram : 3 GB
ความจุเริ่มต้น : 32 GB
เทคโนโลยี 5G : ไม่รองรับ
iPad Air 4
WIN!
ยกที่ 2
จอแสดงผลภาพ
ขนาดจอแสดงผลภาพ [Display Size]
จอแสดงผลภาพนั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ไกลตัวสำหรับคนทั่วไปมากๆ แต่สำหรับคนที่ต้องการความละเอียดอ่อน ถือว่าเป็นเรื่องความเป็นความตายเลยทีเดียว
จอแสดงผลใน iPad Air 4 นั้นถูกอัพเกรดขนาดจอให้ใกล้เคียงกับ iPad รุ่น Pro โดยเป็นแบบจอเต็มขอบ มีขนาดจออยู่ที่ 10.9 นิ้ว เมื่อเทียบกับ iPad 2020 Gen8 แล้ว ก็มีขนาดจอที่ใหญ่เช่นกัน โดยเจ้าตัวมีขนาด 10.2 นิ้ว ซึ่งใกล้เคียงกัน แต่จะต่างตรงที่จอไม่ใช่แบบเต็มขอบนั่นเอง
เพราะฉะนั้นเรื่องการออกแบบสำหรับ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ก็เป็นส่วนหนึ่งของความสวยงาม ที่ต้องมาตัดสินใจกันอีกที
ความละเอียดและการแสดงผลสี [Display Specification]
ความละเอียดของทั้งสองค่อนข้างแตกต่างกันเยอะ ตั้งแต่ พาเนลที่ใช้ในการแสดงผล โดยเจ้า iPad Air 4 ได้ใช้ จอแบบเดียวกันกับ iPad รุ่น Pro เลย ซึ่งเป็นจอพาเนล IPS แบบ Liquid Retina Display ซึ่งมีสเปคเรื่องความคมชัดและการแสดงผลสี ที่ดีกว่าจอแบบ Retina Display ของ iPad 2020 Gen 8 มาก
ถ้าหากใช้เรื่องความคมชัดของจอมาตัดสิน iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ก็เป็นเรื่องที่ตัดสินใจได้ไม่ยาก หากการดูหนัง ดูซีรีส์ต้องการภาพที่สุดกว่า ก็ต้องยกให้ iPad Air 4 ไปแล้วกัน
ความเร็วในการแสดงผล [Refresh Rate]
ถึงเสปคจอจะเหมือนกันหลายๆอย่าง สำหรับ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 จะแตกต่างกันมากมาย แต่ที่เหมือนกัน นั่นก็คงเป็นเรื่องนี้
Refresh Rate คือเรื่องความเร็วการเคลื่อนไหวของภาพที่แสดงในจอของแต่ละเฟรม ซึ่งยิ่งมีตัวเลขที่มาก ก็ยิ่งทำให้ภาพสมูทเวลาเราใช้งาน เช่นการปัดกวาดปากกา การสบัดเล่นเกมที่เคลื่อนไหวเร็วๆ แต่เรื่องนี้ก็ไม่ต้องเอามาเป็นประเด็น เพราะทั้งสองรุ่น มี ความถี่ 60Hz เท่ากัน หากต้องการหน้าจอที่มีความถี่มากกว่า 60Hz จะมีคุณสมบัตินี้ในรุ่น Pro เท่านั้น
iPad Air 4
7/10
ขนาดจอ : 10.9 นิ้ว
อัตรารีเฟรชเรต : 60Hz
จอภาพ : Liquid Retina
ความละเอียด : 2,360 x 1,640
iPad 2020 Gen 8
5/10
ขนาดจอ : 10.2 นิ้ว
อัตรารีเฟรชเรต : 60Hz
จอภาพ : LCD Retina Display
ความละเอียด : 1,620 x 2,160
iPad Air 4
WIN!
ยกที่ 3
Design เครื่อง
การออกแบบเครื่อง [Design]
การปรับเปลี่ยนยกเครื่องของ iPad Air 4 ที่ไปใช้ดีไซน์แบบ เต็มขอบเหมือนกับ iPad Pro 2021 และไร้ซึ่งปุ่ม Home นั้นทำให้ iPad Air 4 น่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะใช้ อุปกรณ์ของ Apple เช่น ปากกา เคส คีย์บอร์ด ได้เหมือนกันกับ iPad Pro 2021 แล้ว ยังมีราคาที่ถูกกว่า และยังมีสีให้เลือกมากกว่า iPad Pro 2021 อีกเยอะเลยด้วย นอกจากนั้น การรองรับการชาร์จด้วย USB-C เป็นสิ่งที่หลายคนโหยหากันมานานจริงๆ เพราะ USB-C นั้นชาร์จไวทันใจ ถ่ายโอนข้อมูลก็ไวกว่าพอร์ตโบราณอย่างมาก ในส่วนนี้ ต้องบอกเลยว่าการตลาดเขาดี ทำให้ iPad Air 4 ถือว่ากินขาดไปหลายอย่างพอสมควรเลย
ในขณะที่ iPad 2020 Gen 8 ยังใช้ดีไซน์แบบโบราณ ใช้พอร์ตชาร์จที่ชาร์จได้ช้า ถ่ายโอนข้อมูลช้า อย่าง Lightning และการชาร์จปากกายังเป็นแบบต่อตูดอันแสนน่าเกลียด ไหนจะไม่รองรับอุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่อีก ทั้งหมดทั้งมวลนี้ทำให้ความน่าใช้งานของ iPad 2020 Gen 8 หายไปในพริบตาเลยก็ว่าได้
ระบบเสียงและลำโพง [Speaker]
เป็นเรื่องที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เชื่อว่าหลายคนใช้ iPad ดู Netfilx ดูซีรีส์ ดู Youtube iPad Air 4 นั้นให้ระบบเสียงแบบ Stereo แยกซ้ายขวาแบบปกติ และมีลำโพง 2 ตัวด้วยกัน เหมือนๆกันกับ iPad รุ่นอื่นๆ เพราะฉะนั้นเรื่องลำโพงไม่ต้องเอามาเป็นประเด็นสำหรับ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 เพราะไม่ได้มีลำโพงแตกต่างกันมากมายนัก
แต่สำหรับใครที่เน้นเรื่องเสียงมากๆ ผมแก้ปัญหาเรื่องเสียงง่ายมาก ผมเป็นคนซีเรียสเรื่องเสียงมากกว่าเรื่องไหนๆ ยังไงผมก็หาลำโพง บลูทูธ คุณภาพดีกว่า ลำโพง iPad มีเกลื่อนเต็มท้องตลาด จบกว่าครับ
สแกนนิ้วที่เหมือนแต่แตกต่างกัน [Touch ID]
iPad Air 4 เปลี่ยนดีไซน์ใหม่หมดจด ไม่เหลือเค้าโครงของ Air 3 เลยแม้แต่น้อย แต่ที่เหลือคือระบบสแกนนิ้ว ซึ่งย้ายไปไว้ตรงปุ่มล๊อคแทน เนื่องจากตัวบอดี้ไม่มีปุ่ม Home แล้ว ในขณะที่ iPad 2020 Gen 8 ยังคงไว้ซึ่งปุ่ม Home ทั้งหมดทั้งมวลคือการออกแบบ อาจจะเล็กน้อยมากสำหรับใครหลายๆคน เพราะสุดท้าย มันก็เป็นการสแกนนิ้วเหมือนกันอยู่ดีครับ
iPad Air 4
8/10
ดีไซน์ : แบบไร้ปุ่ม Home
รองรับ : อุปกรณ์เสริมรุ่นใหม่
ระบบ : แสกนนิ้ว (Touch ID)
เชื่อมต่อ : USB-C
ลำโพง : ซ้ายขวา 2 ตัว
iPad 2020 Gen 8
5/10
ดีไซน์ : แบบดั้งเดิม
รองรับอุปกรณ์เสริมรุ่นเก่า
ระบบ : แสกนนิ้ว (Touch ID)
เชื่อมต่อ : Lightning
ลำโพง : ซ้ายขวา 2 ตัว
iPad Air 4
WIN!
ยกที่ 4
Camera
กล้อง iPad Air 4
กล้อง iPad Air 4 นั้นก็อัพเกรดมาถือว่าไม่ได้แย่ สามารถใช้งานทั่วไปได้ ถึงแม้จะไม่มีเลนส์ Ultra-Wide และไม่มี Lidar-Scanner ก็ตาม กล้องหน้าที่ใช้ Selfie คุณภาพจะลดลงกว่า iPad Pro 2021 ราวๆ ครึ่งหนึ่ง
ถ้าจะว่ากันตามตรง ก็เหมือนยกเครื่องมาจาก iPad Pro 10.5 ตัวปี 2017 ก่อนหน้ามาเลยก็ว่าได้ ซึ่งกล้องของ iPad Pro 10.5 ก็ไม่ได้แย่ เช่นกันใน iPad ตัวนี้ก็ถือว่าทำได้ดี ในระดับของมัน แต่ถ้าถามว่าดีเท่า Pro ไหม ยังห่างกัน ยิ่งเทียบกับ iPhone ละก็จบเห่เลยครับ แต่หากเราไม่ได้เน้นกล้อง (ซึ่งใช้ iPhone ถ่ายสะดวกกว่าอยู่แล้ว) ก็ไม่ต้องซีเรียสเรื่องนี้มาก
กล้อง iPad 2020 Gen 8
กล้องหน้า iPad 2020 Gen 8 นั้นมีสเปคที่จัดว่า ก็ไม่น่าเกลียด สามารถใช้งานทั่วไปได้อย่างดี โดยกล้องหน้าเป็นเลนส์ Wide มีความละเอียด 8MP แต่ก็ต้องทำใจว่า แม้แต่เรื่องกล้อง iPad Pro 10.5 ก็ยังคงข่มได้อีก เพราะกล้องหน้าของ iPad Pro 10.5 มีความละเอียด 12MP มากกว่าเล็กน้อยนั่นเอง แต่โดยรวมเป็นเรื่องที่ไม่ต้องซีเรียสมากนัก
แต่ปัญหามันอยู่ที่นี่แหละครับ กล้องหน้าของ iPad 2020 Gen8 นั้นไม่น่าเชื่อว่า ในปี 2021 ยังมีกล้องคุณภาพต่ำถึง 1.2MP อยู่ในผลิตภัณฑ์ของ Apple ด้วย!! หนำซ้ำยังรองรับการถ่ายวีดีโอไม่เกินความละเอียดที่ 720p ที่ต่ำกว่ามาตราฐานในปัจจุบันเสียอีก!
ในขณะที่ iPad Pro 10.5 มีกล้องหน้าที่ความละเอียด 7MP พร้อมทั้งมี HDR , Face Detection Panorama มาอย่างครบถ้วน
อย่าลืมนะครับ ว่า iPad Pro 10.5 นั้นตกรุ่นไปกว่า 3 ปีแล้ว แต่ยังมีสเปคกล้องหน้าที่ล้ำหน้ากว่า iPad 2020 Gen8 หลายเท่ายิ่งนัก ถึงเรื่องกล้องนี่ไม่ใช่เรื่องสำคัญใน iPad ก็จริง แต่กล้องหน้าของ iPad 2020 Gen8 ต้องบอกเลยว่ามันห่วยบรรลัย ไม่ควรที่จะใส่มาใน อุปกรณ์ ราคา หลักหมื่นด้วยซ้ำ!
กล้อง iPad จำเป็นแค่ไหน??
ต้องบอกว่า ต่อให้กล้องดีที่สุดในรุ่น Pro ก็สู้ iPhone ไม่ได้อยู่ดี ถ้าเน้นถ่ายรูป ไปซื้อ iPhone Pro ก็ตรงต่อจุดประสงค์กว่าแบบเห็นๆ มีทั้ง 3 กล้อง และ Lidar Scanner แถมมี Night Mode ถ่ายตอนกลางคืนสวยงามกว่าอีก
ส่วนตัวผมคิดว่ากล้อง iPad ไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น เนื่องจาก iPad มีขนาดใหญ่ เวลายกถ่ายรูปมันก็จะทำให้แปลกๆ ใช่ไหมล่ะ
อีกอย่าง iPad นั้นหนักกว่า iPhone เวลาถ่ายวีดีโอ ทำให้คุมความสั่นไหวได้ยากมากกว่าอีก และยังใช้พวก Gimbal หรือ ไม้เซลฟี่ ต่างๆ ไม่ได้อีก
สำหรับประเด็นเรื่องกล้อง ของ iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องการถ่ายรูป หรือมี iPhone อยู่แล้ว ก็ตัดตกไปทั้งสองรุ่นได้เลย
iPad Air 4
6/10
กล้องหลัง : Wide 12 MP
Lidar Scanner : ไม่มี
กล้องหน้า : Wide 7 MP
iPad 2020 Gen8
3/10
กล้องหลัง : Wide 8 MP
Lidar Scanner : ไม่มี
กล้องหน้า : Wide 1.2 MP
iPad Air 4
WIN!
- OVERALL -
iPad Air 4
28/40
ความจุ 64GB
ราคาเริ่มต้น 19,900
iPad 2020 Gen8
18/40
ความจุ 32GB
ราคาเริ่มต้น 10,900
Air ดีกว่า
25%
**การให้คะแนนเพื่อประเมินค่าเป็นตัวเลขทำให้ผู้อ่านเข้าใจได้ง่ายขึ้น โดยอ้างอิงจาก คะแนนผลเทส , การใช้งานเมื่อเทียบกับเทคโนโลยีในปัจจุบัน , เทคโนโลยีล่าสุด ในกลุ่มผลิตภัณฑ์แอปเปิ้ล เป็นต้น
สรุป
เป็นอย่างไรกันบ้างครับ กับการเปรียบเทียบแบบเชิงลึก ระหว่าง iPad Air 4 กับ iPad 2020 Gen 8 ถ้าหากอ่านจนจบละก็ ก็คิดว่าผู้อ่านคงตัดสินใจได้แล้วนะครับ ว่าจะเลือกรุ่นไหนดี ถ้าหากอยากรู้รุ่นอื่นๆ หรือเปรียบเทียบอื่นๆ ให้กดกลับไปที่หน้าสารบัญ เพื่อเลือกรุ่นอื่นๆ และเข้าไปอ่านบทความอื่นๆได้เลยครับ
หากชอบบทความของเรา สามารถให้กำลังใจได้ด้วยการ
กดไลค์ GagangTech และติดตามช่อง Youtube GagangTech
– แล้วไว้เจอกันใหม่ ในบทความหน้า สวัสดีครับ –